วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตวัฒนา


                                                                                                     
ดร.บุญเสริม บุญเจริญผล
    เมื่อปี พ.. 2536 ผมได้มีโอกาสไปราชการที่ปักกิ่ง และเป็นการบังเอิญอย่างยิ่งที่ได้พบหนังสือเล่มหนึ่ง วางขายหลบมุมอยู่ในริมตู้ที่ร้านขายหนังสือของโรงแรมที่ผมพักนอน หนังสือเล่มนี้ดูแก่ชราและโทรมไม่น่าสนใจ  แต่ท่าทางที่มันวางตะแคงอยู่ดูเหมือนว่ามันทำท่ากวักมือเรียกให้ผมช่วยพามันออกไปให้พ้นจากร้านนี้เสียที  เพราะใคร ๆ ก็ไม่สนใจมัน  ผมจึงเอื้อมมือไปล้วงออกมาจากมุมตู้  และก็เป็นการบังเอิญอีกชั้นหนึ่ง คือมันเป็นภาษาอังกฤษ แทนที่จะเป็นภาษาจีนอย่างเล่มอื่น ๆ   หน้าปกเขียนว่า เดอะ มิสเทอรี ออฟ ลองกีวิที The Mistery of Longevity”  แปลเป็นภาษาไทยว่า ความลับแห่งการมีอายุยืน”  ราคาก็ถูกมาก คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30 บาท ผมเปิดอ่านผ่าน ๆ เห็นว่ามีสาระดีมาก  โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้หวังจะมีสุขภาพดี  จึงรีบตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่ผลัดว่าไว้วันหลังค่อยซื้อ ด้วยเกรงว่ามันจะวิ่งตามใครไปเสียก่อน  และก็เหลืออยู่เล่มเดียวเสียด้วย  ถ้าพลาดงวดนี้ ชาตินี้คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
            หลังจากที่ผมได้อ่านอย่างพิจารณาเป็นเวลาหลายวัน  จึงเห็นคุณค่าของหนังสือเล่มนี้  อยากจะเผยแพร่ความลับแห่งการมีชีวิตวัฒนาให้คนไทยได้อ่านบ้าง  จึงขอเก็บความจากหนังสือเล่มนี้ผสมกับความคิดเห็นและประสพการณ์ส่วนตัวของผมเข้าไปบ้าง  พิมพ์ออกเผยแพร่เป็นวิทยาทานออกไปเรื่อย         ๆ  โดยเฉพาะเผยแพร่แก่ผู้สูงอายุทั้งหลาย  คนวัยนี้ถ้าหาวิธีชะลอความชราไว้บ้าง ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้สังขารมันรุดหน้าไปตามบุญตามกรรม  นึกว่าลดความทุกข์ให้แก่ชีวิตเราเองก็แล้วกัน

ชีวิตวัฒนาคืออะไร
     ชีวิตวัฒนาคือชีวิตที่ยาวนานและอยู่อย่างมีความสุข   ขอให้สังเกตว่าลักษณะของชีวิตวัฒนาต้องมีลักษณะ2ประการ คือ
     1. อายุยืน     2. มีความสุข แม้ว่าอายุมากแล้วก็มีความสุข และต้องสุขทั้งกายและใจ คือไม่ป่วย และไม่ทุกข์ใจ  มิใช่อายุยืน แต่อยู่อย่างทุกข์ทรมาน

          ถ้าเป็นได้อย่างนี้  อายุวัฒนา ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนปรารถนา

วัยสูงอายุเป็นวัยทุกข์หรือวัยทอง
            โดยปกติคนวัยสูงอายุที่เกิน 50 ขวบ มักเป็นผู้มีความทุกข์  เพราะอวัยวะต่าง ๆ มันจะหมดอายุแล้ว ตับ ไต ไส้ พุง กระดูก เส้นเลือด เส้นเอน หัวใจ สมอง ก็เสื่อมความสามารถลงไปเรื่อย ๆ ฉะนั้นระบบอะไร ๆ ในร่างกายก็เริ่มทรยศ  ผลที่แสดงออกมาคือ นอนก็ไม่หลับสนิท กินก็ไม่อร่อย  ถ้าบังเอิญกินอร่อย ประเดี๋ยวก็เกิดเรื่องเจ็บป่วยตามมาจนได้  เพราะอวัยวะตามทางที่อาหารมันเดินไปมันไม่อร่อยด้วย  ซ้ำร้ายกว่านี้ นอกจากร่างกายทรุดโทรมยังไม่พอ จิตใจก็พลอยตกต่ำไปด้วย  โมโหง่าย ใจน้อย ขี้บ่น ขี้ลืม ฟุ้งซ่าน กังวล ระแวง ขี้งก เห็นแก่ตัว  กลายเป็นตัวการก่อเหตุวุ่นวายทำลายสันติสุขแก่คนใกล้ชิดรอบข้าง  ถ้าเราปล่อยตัวไปตามกระแส มันก็เป็นอย่างนี้แหละ  ต้องทุกข์อย่างนี้แหละ
แต่ถ้าเรารู้จักทำชีวิตให้พัฒนา ชีวิตในวัยนี้ก็อาจเป็นวัยทองได้ ท่านลองคิดดู ชีวิตในตอนสูงอายุมีเวลาว่างมากกว่าวัยอื่น ๆ (ยกเว้นท่านจะแส่หาเรื่องให้ยุ่งชีวิตเอาเอง) สามารถจะทำอะไรๆหลายอย่างให้แก่ชีวิตของเราเองได้เต็มที่  ตอนหนุ่มสาวและกลางคน เราทำงานเพราะอยากได้เงิน อยากได้ชื่อเสียง อยากได้อำนาจ    แต่ในวัยสูงอายุ  เราได้ทำงานที่เราอยากทำ  ทำงานที่เรารักเราสนใจ  โดยไม่ต้องสนใจเรื่องเงินมากนัก  เราสามารถมีเวลาทำกิจกรรมส่วนตัว  เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารช้า ๆ ทำสมาธิบ้าง  ทำงานอดิเรกที่เราชอบ และถ้าหากออกจากบ้านไปติดต่อธุระหรือเที่ยวเปิดหูเปิดตา  ก็สามารถออกจากบ้านตอนสาย ๆ ได้ ไม่ต้องเร่งร้อน  เราได้อ่านหนังสือเพื่อความสุขใจพอใจมากขึ้น  หนังสือเหล่านี้ซื้อมาแต่วัยหนุ่มวัยกลางคน  แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน ตอนนี้ได้อ่านหนังสือที่อยากอ่านอย่างสมใจ เรามีเวลาปลูกต้นไม้ ชมดอกไม้ ชมธรรมชาติอย่างดูดดื่มซึมซับ นานกว่าเมื่อก่อน   อีกอย่างหนึ่งเมื่อก่อนไปพบปะผู้คนก็ต้องไหว้เขาก่อนเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนมักมีแต่คนยกมือไหว้   ก็น่าภูมิใจไม่น้อย และประการสำคัญที่สุดเรามีเวลาพิจารณาเรื่องของชีวิต เข้าใจเรื่องของชีวิตมากขึ้นรู้ในความไม่เที่ยงของชีวิตชัดเจนขึ้นเพราะความจริงได้มาปรากฏแก่ตนเองแล้ว  ความรู้เรื่องชีวิตเป็นความรู้ที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ไม่ควรละเลย  ซึ่งคนอายุยังไม่มากมักจะไม่สนใจเรื่องชีวิตเอาเสียเลย  เอาแต่ขายชีวิตกินไปเรื่อยๆ จะตักเตือนอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง
            ถ้าเราจัดชีวิตให้ดี  วัยสูงอายุก็เป็นวัยทอง เป็นวัยที่เราใฝ่ฝัน เฝ้าคอยว่า เมื่อไรจะถึงวันนั้นเสียที  แต่ถ้าเราจัดชีวิตไม่ดี  วัยสูงอายุก็เป็นวัยทรมาน  ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดชีวิตกันดีกว่า  ให้เป็นชีวิตวัฒนา คือ เป็นชีวิตที่เจริญยั่งยืนนาน
เรื่องอายุ ตำราจีนบอกว่าคนอายุยืนหลายร้อยปีมีหลายคน 
            จากหนังสือฉบับที่ผมกล่าวถึงในตอนแรก ได้กล่าวว่า คนจีนเป็นคนที่มีชีวิตชีวา ใฝ่หาวิธีการที่จะทำให้อายุยืนและมีสุขภาพกายสุขภาพใจสมบูรณ์ ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่า คนจีนหลายคนมีอายุยืนหลายร้อยปี  ถึง 700 ปีก็มี (เชื่อไม่เชื่อคิดดูเอง ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าจริงหรือเท็จเพื่อความสะดวก ผมขอทำเป็นตารางให้ท่านพิจารณาดู
ส่วนหนึ่งของคนจีนผู้มีอายุยืนยาวในสมัยโบราณ
 


                            ชื่อ                                           อายุ                                                 สมัย
 


จักรพรรดิHuang Di (จักรพรรดิเหลือง)        มากกว่าร้อยปี                     5,000 - 6,000 ปีมาแล้ว
อาจารย์ Peng Zu                                        767 ปี แล้วหายไป                กษัตริย์ Yao ราชวงศ์ถัง
อาจารย์ Lao Zi (เหลาจื้อ) ผู้ตั้งลัทธิเต๋า          300 ปี
Gui Gu Zi                                                            หลายร้อยปี                           475 - 221 ปี ก่อนคศ.
Cui Wen Zi                                                          300 ปี                                     246 - 210 ปี ก่อน คศ.
Li Gen                                                                   มากกว่า 700 ปี                     จักรพรรดิ์ Wu Di ราชวงศ์ฮั่น
Li Changzai                                                         มากกว่า 800 ปี                     ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
 


            ที่มา : Liu Zhengcai  .The Mystery of LongevityBeijing: Foreign Languages                                            Press. 1990.
ที่ผมยกตัวเลขอายุยืนยาวตามที่คุณหมอ หลิ่ว เช็งไข นำมาอ้างนั้น  ก็เพื่อให้ท่านที่สูงอายุขนาด 80-90 ขวบ ได้พิจารณาสังขารว่า ตัวเรานี้ ยังเยาว์วัยนัก หากเราจะอยู่ได้ถึง 800 ปีแล้ว อายุเราเพิ่งล่วงมาเพียง 1 ใน 10 ของอายุขัยมนุษย์เท่านั้น”  คิดอย่างนี้แล้วก็ดีใจ ลืมแก่ลืมตายไปได้เหมือนกัน  แต่ผมเองก็สงสัยสถิติเหล่านี้เหมือนกันว่าเท็จจริงเพียงใด  เอาเป็นว่าฟังสองหูเก็บไว้หูเดียวก็แล้วกัน
            ปัญหาอีกอย่างคือ เรื่องชื่อจีนเขียนภาษาฝรั่งหรือแม้เขียนเป็นภาษาจีนก็ตาม คนจีนสิบคนที่อยู่สิบเมืองต่างกันก็อ่านออกเสียงต่างกันสิบอย่าง  ฉะนั้นเมื่อผมเขียนชื่อคนจีนเป็นเสียงภาษาไทย ก็ไม่มีทางถูกต้องได้  หรือใครคนหนึ่งบอกว่าถูก แต่ใครอีกหลายคนก็บอกว่าผิด  ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมจึงเขียนชื่อโดยใช้เสียงเป็นภาษาอังกฤษ  ส่วนท่านจะอ่านอย่างไรก็อ่านไป  ผมไม่ว่ากระไร  นอกจากจะบอกแต่เพียงว่า คุณอ่านของคุณไปคนเดียวก็แล้วกัน  ถึงอย่างไรก็คงไม่ถูกต้อง  แม้จะให้คนจีนอ่านให้ก็ไม่ถูก  แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ  เอาเนื้อความเป็นหลักดีกว่า
วิธีปฏิบัติตนเพื่อชีวิตวัฒนา
ถ้าท่านต้องการชีวิตวัฒนา ท่านก็ต้องปฏิบัติตนดังนี้
     1. จำกัดการกินการดื่มให้ถูกหลัก
     2. ฝึกการดำรงชีวิตประจำวันให้ถูกหลัก
     3. อย่าโหมเกินกำลัง
     4. รักษาจิตใจให้สงบ
1. จัดการกินการดื่มให้ถูกหลัก
     เทคนิคที่จะทำให้อายุวัฒนาอย่างหนึ่งก็คือ กินระวัง  ดื่มระวัง  อย่าตามใจปาก  กินแต่พอดีอย่าให้อิ่มอืด  รับประทานมังสวิรัติดีกว่าอาหารเนื้อสัตว์  ผักที่นำมาปรุงอาหารควรเป็นผักที่ปลูกเอง จะได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ  การปลูกผักเองทำได้ง่ายมาก นอกเสียจากท่านเป็นคนเกียจคร้านแก้ตัว  แม้แต่อยู่ที่แคบในเมืองก็สามารถปลูกลงกระถางได้  ขอให้ลองซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกสักครั้ง แล้วท่านจะติดใจ  การซื้อผักจากตลาดเป็นการเสี่ยงภัยมาก  เพราะมีสารพิษฆ่าชีวิต และมีปุ๋ยเคมีซึ่งเป็นอันตรายช้าๆต่อร่างกาย
     จงดื่มน้ำชาจีนเป็นประจำ  ชงอ่อนๆเป็นสีเหลือง อย่าให้ถึงกับเป็นสีน้ำตาลเข้ม  และต้องปล่อยให้เย็นลงหน่อยพออุ่นน้อยๆ  ถ้าดื่มขณะร้อนจัดจะเป็นมะเร็งที่คอหรือที่หลอดอาหาร  การดื่มชาเข้มจะกระทำเฉพาะเมื่อท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยเท่านั้น
     การกินแต่ละครั้งสำหรับผู้หวังชีวิตวัฒนา จะต้องคิดเสียก่อนทุกครั้ง  กินแล้วจะให้โทษหรือให้คุณ ถ้าเห็นว่าให้โทษก็อย่ากิน  ถ้าเห็นว่าให้คุณจึงกิน  ท้องว่างจึงกิน ท้องอิ่มอย่ากิน  มีคำเตือนใจที่ดีของ ชาง หัว นักปราชญ์จีนกล่าวไว้เมื่อประมาณปี ค..265-420ว่า กินน้อยทำให้ใจกว้างและอายุยืน  กินมากทำให้ใจแคบและอายุสั้น
     ปราชญ์ เอ๋า หยิง ยุคราชวงศ์หมิงกล่าวว่า คนกินมากจะเกิดทุกข์5ประการ คือ
     1. ขี้บ่อย  2. เยี่ยวบ่อย  3. นอนทรมาน  4. กายหนัก ลำบากแก่การขยับเขยื้อนร่างกาย   
   5. อาหารไม่ย่อย ท้องอืด
     ข้อ 1. และ 2. ผมไม่เห็นด้วย  เพราะผมเองก็เป็นคนขี้บ่อยเยี่ยวบ่อย(ขออนุญาตใช้คำโบราณ เพราะเราคุยกันถึงเรื่องโบราณก็ระบบขับถ่ายของผมดี กินของใหม่ ก็ดันของเก่าออกได้ทันที สบายท้องดีจริงๆ   ส่วนข้ออื่นๆผมเห็นด้วยหมด
     อีกอย่างหนึ่ง กินอาหารเบาๆหลายมื้อ ดีกว่ากินหนักมากมื้อเดียว   เคยทราบว่านักการเมืองไทยคนหนึ่งกินมื้อเดียว แต่อัดเข้าไปเกือบเต็มบาตรพระ  อย่างนั้นไม่ถูกสุขลักษณะ  อย่าเอาอย่าง
     การกินผักเป็นสิ่งที่ดี  จงกินพืชผักมากกว่ากินเนื้อสัตว์  อย่าลืมผลไม้ด้วย   ธัญพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด ดีต่อสุขภาพ    อาหารทุกอย่างขอให้เป็นอาหารที่ง่ายๆ ไม่ปรุงแต่งมาก   
   การดื่มน้ำชา  ชาวจีนโบราณนิยมดื่มน้ำชา    น้ำชามีคุณประโยชน์ที่ตำราว่าไว้ดังนี้   1. บำรุงน้ำลาย (น่าชงให้สส.ดื่มเป็นประจำดับกระหายน้ำ  2. เพิ่มความแข็งแรงแก่ร่างกาย กระตุ้นระบบประสาท  3. ช่วยย่อยอาหารและละลายไขมัน  4. ขับเหงื่อและรักษาหวัด  5. ลดน้ำหนัก 6. ช่วยให้สมองโปร่ง ความคิดแล่น ความจำดี  7. อายุยืน     ถ้าได้ดื่มน้ำชาถึง7ถ้วย (ใหญ่เล็กเพียงใดไม่ทราบ) ตัวจะเบาเหมือนหลุดพ้นจากพันธนาการที่โลกผูกเราเอาไว้  วัฒนธรรมการดื่มชาแพร่จากจีนไปญี่ปุ่นอีกต่อหนึ่ง
     ถึงอย่างไรก็อย่าลืมว่า อย่าดื่มน้ำชาที่ร้อนและเข้มข้นเกินไป  แทนที่จะให้คุณกลับเป็นโทษ
     บุหรี่ มีโทษมาก ทำให้ระบบย่อยอาหารเสีย ดูดซึมอาหารเลี้ยงร่างกายได้ยาก  ยิ่งกว่านั้นภรรยาจะเป็นมะเร็งในวัยกลางคน และตนเองจะเป็นมะเร็งในยามสูงอายุ
     เหล้าผลไม้และเหล้าจากข้าว ถ้าเพียงแต่จิบน้อยๆสัก2จิบก็ไม่มีโทษ อาจช่วยย่อยอาหาร และเลือดฉีดดีทั่วร่างกาย  แต่จงระวังพิษร้ายสะสมในตับ ถ้าดื่มบ่อยเกินไป   การดื่มเหล้ามากเป็นอันตรายต่อทุกอวัยวะ ก่อมะเร็ง ความคิดเลอะเลือน และทำให้อายุสั้น
      เนื้อสัตว์บำรุงกำลัง  ไม่มีสัตว์ใดในโลกที่กินแล้วเป็นยาโป๊บำรุงกำลัง มันก็ให้ได้เพียงทำให้เกิดเนื้อหนังเหมือนเนื้อสัตว์โดยทั่วไป(สมัยนี้เรียกว่า โปรตีนมีเรื่องเล่ากันมาว่า ในกาลครั้งหนึ่ง ประมาณ500-600ปีล่วงมาแล้ว มีซินแส(หมอ)ใจโหดคนหนึ่ง คิดค่ารักษาไข้ในราคาแพงมาก  คนไข้ที่ยากจนบางคนไม่มีเงินค่ารักษา  ทำให้ซินแสโหดคนนี้โกรธจัด คิดจะแก้แค้นทรมานคนไข้ จึงออกอุบายว่าไข้นี้ยังไม่หายขาด จะต้องกินยาต่อไปสักระยะหนึ่ง  ยาที่ว่านี้หายากมาก ต้องไปจับหมีเป็นๆมาจากภูเขา แล้วฆ่าหมี ตัดตีนทั้งสี่กินสดๆให้หมดภายใน3วัน  คนไข้รายนี้เดินทางเข้าป่าล่าหมีเพื่อเอามาทำยา  ในที่สุดเขาก็ถูกหมีกัดตายสมใจหมอ  แต่ข่าวเล่าลือว่า ตีนหมีเป็นยาดีกลับแพร่ไปไกล และกลายเป็นความเชื่อถือของผู้โง่เขลาทั่วไปจนทุกวันนี้
     นักปราชญ์โบราณของจีนได้กล่าวห้ามไว้ว่า  อย่าอุตริกินสัตว์ที่คนทั้งหลายเขาไม่กินกัน (เช่น หมี ลิง ชะนี จรเข้ ฯลฯเพราะนั่นมันเป็นลักษณะของเปรตและปีศาจ  ถ้าขืนล่วงละเมิดจะเจ็บป่วยและเคราะห์ร้ายทั้งครอบครัว 
     รสอาหาร  จืดไว้เป็นดี  อาหารรสจัด คือ เค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด ทำลายร่างกาย โดยเฉพาะ กระเพาะ ลำไส้ หัวใจ ความดันเลือด ทำให้อารมณ์รุนแรง ขาดความสุขุมรอบคอบ  ความเชื่อของปราชญ์จีนกล่าวว่า อาหารรสจัดเป็นอาหารของคนชั้นต่ำ      
     การเคี้ยว  ผู้หวังจะมีอายุยืนควรสร้างนิสัยเคี้ยวอาหารให้ละเอียดแล้วจึงกลืน ซึ่งคงไม่ค่อยทันใจคนใจร้อน เพราะต้องเสียเวลานาน  แต่ก็เป็นการเสียเวลาที่คุ้มค่า   อาหารที่ถูกบดละเอียดแล้วจะย่อยง่าย ถูกนำเข้าสู่กระแสเลือดได้มากกว่าอาหารหยาบ   นอกจากนั้นในทางจิต การเคี้ยวนานเป็นการให้ความสำคัญต่ออาหารต่อการกิน   นี้เป็นหลักธรรมชาติปกติเหลือเกิน   เมื่อเราให้ความสำคัญต่อสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมให้คุณต่อเรา
     การพิจารณาก่อนกิน  เป็นธรรมเนียมของหลายชาติหลายภาษา ที่สั่งสอนกันมาว่า ก่อนกินให้พิจารณาว่า อาหารที่ตกถึงปากเรานี้เกิดจากผู้มีคุณทั้งหลายร่วมกันทำมา ชาวนาชาวสวนเป็นผู้ปลูก แม่ครัวเป็นผู้ปรุง มีผู้ออกแรงจัดสำรับมาตั้งให้เรียบร้อย  และยังมีผู้ออกเงินซื้ออาหารเหล่านี้อีก  ขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ขอให้ผู้มีส่วนร่วมทุกท่านจงเจริญ”  การตั้งจิตนึกรู้คุณต่อผู้มีพระคุณทำให้ชีวิตวัฒนา
     อย่ากองเศษอาหารบนโต๊ะอาหาร   คนขาดการอบรมมักกองเศษอาหารบนโต๊ะ โดยไม่รู้สึกรังเกียจ  ท่านที่ต้องการชีวิตวัฒนาโปรดอย่าทำเช่นนั้น  เพราะจิตจะดูดซับสิ่งไม่เป็นมงคลเข้าไปในชีวิต  เนื่องจากขณะกินอาหารจิตใจกำลังดูดซับสิ่งภายนอกเข้าสู่ร่างกาย  ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดีมีเศษอาหารกองอยู่แล้ว ชีวิตจะไม่วัฒนา
     อย่าทำเสียงซู้ดซ้าด อย่าเคี้ยวดังจั๊บๆ  แม้ว่าเราอร่อยกับรสอาหารสักปานใดก็จงสำรวมกิริยา  เคี้ยวอาหารจงหุบปาก เพื่อมิให้ดังจั๊บๆน่าเกลียด  และอย่าซดน้ำแกงดังซู้ดซ้าด  จะเป็นอัปมงคลชีวิต ชีวิตมีแต่เรื่องเดือดร้อน  เรื่องนี้แม้คนจีนทั่วไปจะชอบทำ แต่นักปราชญ์จีนตำหนิมาก
     การล้างทำความสะอาดภาชนะ  เราคงเคยเห็นพวกกรรมกรกินอาหาร  เมื่อพวกเขากินเสร็จจะกองชามจานลงในถัง ไม่ยอมล้าง ดูน่าสกปรก  เมื่อเวลาจะกินใหม่ก็หยิบมาล้างเท่าที่จะใช้งาน  คนพวกนี้จะหาความเจริญไม่ได้  เพราะไม่ทำตนเป็นคนพัฒนา   ฉะนั้นถ้าเราไม่ใช่คนต่ำ เมื่อกินแล้วจงล้างชามจาน หม้อ กะทะ ให้เรียบร้อย  คว่ำตากแดดให้แห้ง จึงเป็นมงคล   ถ้าไปกินที่บ้านของคนื่นจะต้องช่วยเขาล้างชามจานให้สะอาดด้วย  อย่าทำเฉยเมย  เขาจะสาปแช่งไล่หลังเอา   
2.หลักปฏิบัติประจำวัน
                        เคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งของการมีอายุยืน คือ ต้องมีหลักใช้ชีวิตประจำ วันที่แน่นอน ทำงานและพัก ตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้
                        นักปราชญ์กวนซี (ประมาณ 600 ปี ก่อนคศ.) บันทึกไว้ว่า การใช้ชีวิตประจำวันแบบสะเปะสะปะไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน ทำให้เหนื่อยล้าและอายุสั้น”  นอกจากนั้นตำราหลักการแพทย์โบราณของจักรพรรดิเหลืองแนะนำการปฏิบัติตัวแต่ละฤดูต่างกัน  เพื่อให้ร่างกายและจิตใจปรับตัวตามดินฟ้าอากาศ โดยแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
                        ในฤดูใบไม้ผลิ ควรนอนช้า และตื่นเร็วแต่เช้า ตื่นแล้วเดินเล่นในสนาม
                        ในฤดูร้อน ควรนอนช้า และตื่นเร็ว  ตื่นแล้วบริหารร่างกายกลางแสงแดด
                        ในฤดูใบไม้ร่วง  ควรนอนเร็วและตื่นเร็ว  ตื่นพร้อมเสียงนกเสียงกา
                        ในฤดูหนาว  ควรนอนเร็วและตื่นช้า  นอนรอแสงตะวันจึงค่อยตื่น
                        โปรดทราบว่าในเมืองจีนมี 4 ฤดู  เพราะเป็นเมืองหนาว  ในฤดูร้อนกลางวันยาว  3-4 ทุ่มยังสว่าง  ตอนเช้า ตี 4 สว่างแจ้งแล้ว  ครั้นถึงฤดูหนาว 4-5 โมงเย็นก็ค่ำ กว่าจะสว่างก็ 10.00 ฉะนั้นหลักปฏิบัติดังกล่าวข้างบนจะนำมาใช้ในเมืองไทยได้ก็ต้องดัดแปลงโดยน่าจะถือหลักว่า  ถ้ากลางคืนยาวก็นอนมาก  ถ้ากลางคืนสั้นก็นอนน้อยหน่อย  ทำตนให้สอดคล้องกับธรรมชาติ  ถ้านอนไม่พอกลางคืน ก็แถมตอนกลางวันนิดหน่อยก็ดี  ผู้สูงอายุควรได้นอนกลางวันบ้าง  จะชะลอความชำรุดของร่างกายได้  ช่วยให้ร่างกายฟื้นสดใสขึ้น  อย่าฝืนทำงานในขณะง่วงหรือเพลียจัด  เป็นอันตรายต่อร่างกายมาก
                        ตำราฉบับเดียวกันนี้กล่าวด้วยว่า คนดื่นเหล้ามาก เข้านอนและตื่นนอนไม่ตรงเวลา  และมีเพศสัมพันธ์ขณะเมา จะโทรมเมื่ออายุ 50 และตายก่อนเวลาอันควร”  สำหรับคนไทยนั้นผมอยากจะเพิ่มเติมว่า  ดูโทรทัศน์จนดึก(ซึ่งมักมีแต่รายการไร้สาระ) หรือกลับบ้านดึก เพราะมัวแต่เข้าสถานเริงรมย์ กินอาหารยามดึก  และทะเลาะกับภรรยาหรือสามีทำให้อายุสั้น
                        นักปราชญ์จีนรุ่นหลัง ตามตำราเล่มนี้ได้แบ่งวันหนึ่งออกเป็น 12 ช่วง ๆ ละ 2 ชั่วโมง  มีคำแนะนำการปฏิบัติตัวแต่ละชั่วโมงดังนี้
                        05.00-07.00 ตื่นพร้อมหรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น  ควงศรีษะวนซ้ายวนขวา และหันซ้าย หันขวา ก้มเงย อย่างละ 4 ครั้ง ควงไหล่ไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อไหล่และเส้นเอ็นบริเวณนั้น  จากนั้นเอาฝ่ามือถูกันจนร้อน  แล้วนวดจมูก 2 ข้าง ตา 2 ข้าง และหู 2 ข้าง ถู 5-6 ครั้งทุกจุด  ต่อไปใช้ฝ่ามือปิดหูข้างละมือให้มิด เพื่อให้หูอุ่น  จากนั้นใช้สันมือตีท้ายทอยคือศีรษะด้านหลังเบา ๆ 20 ครั้ง  อย่าตีแรงจะมึนโง่  ตำราจีนเรียกว่า ตีกลองสวรรค์  จากนั้นเดินออกนอกอาคารไปออกกำลังกายเต๋าหยิน (Daoyin ภาษาจีนใช้ d ออกเสียง )กลางแจ้ง


การออกกำลังกายแบบเต๋าหยิน  คือ กายบริหารด้วยท่าทางต่าง ให้หลายอวัยวะได้เคลื่อนไหว  พร้อมทั้งหายใจเข้าออกเต็มที่เบาๆ เราคิดท่านเอาเองก็ได้
                       
ผมขอเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวเข้าไปดังนี้  ตอนเช้าตื่นนอนแล้วก่อนอื่นจงรีบเข้าห้องน้ำ  อย่ามัวแต่ทำอย่างอื่นอยู่  จัดการแปรงฟันให้สะอาด  เพราะปากหมักหมมทั้งคืน  มีกลิ่นปากเหม็นทุกคน  ถ้าเราพูดกับใครเขาจะเหม็นกลิ่นปากเราไม่เป็นมงคล  ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงปล่อยกลิ่นปากให้สามีดมรับอรุณ  ก็เป็นการขับสามีเข้าวัดบวชพระหรือไม่ก็ขับให้ไปหาเมียน้อยไว ๆ   จากนั้นถ่ายอุจาระให้ท้องสะอาด  อย่าลืมล้างก้นให้สะอาดด้วยสบู่  ถ้าเป็นแบบโยคีอินเดียเขาสอนให้ล้างก้นและอวัยวะเพศให้สะอาดด้วยสบู่  และล้างจมูกด้วยน้ำสะอาด (จะอธิบายวิธีล้างจมูกภายหลังจากนั้นอาบน้ำชำระร่างกายสะอาด  ถูตัวแรง ๆ ให้เลือดเดินดีเป็นการปลุกให้หายงัวเงีย  ถ้าสระผมก็ควรขยี้หนังหัว