วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

Slow life

Slow life คือ การใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีสาระ ชะลอตัวเองให้ไม่ไหลอย่างไร้ทิศทางไปตามกระแสสังคม ทำทุกอย่างด้วยสปีดที่ช้าลง เพื่อให้มีสติและซึมซาบความหมายของชีวิตได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้มี Carl Honoré บุคคลที่ Huffington Post ขนานนามว่าเป็นตัวพ่อแห่งการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ได้ให้นิยามของชีวิต Slow life เอาไว้
  ซึ่ง Carl Honoré ก็ยังออกตัวไว้ว่า การใช้ชีวิตแบบ Slow life ไม่ได้หมายความว่าเราใช้ชีวิตอย่างช้า ๆ แล้วจะกลายเป็นคนล้าหลังหรือดูว่าเป็นคนทึ่มไม่น่าจะทันกิน เพราะใครกันล่ะที่บอกว่า หากเราใช้ชีวิตแข่งกับเวลา ต้องแซงหน้าทุก ๆ คน แล้วชีวิตจะดีกว่า ทั้งที่จริงแล้วชีวิตที่เร่งรีบอย่างที่เคยทำมาตลอดส่งผลในด้าน­­ลบกับเราหลายอย่าง เช่น ระบบการทำงานของร่างกายถูกบังคับให้ทำงานหนักกว่าเดิม หรือยิ่งรีบยิ่งพลาดอะไรดี ๆ ในชีวิตไปไม่น้อย ดังนั้นหากเราใช้ชีวิตในทุก ๆ ย่างก้าวอย่างละเมียดละไมที่สุด ชีวิตก็น่าจะได้อะไรที่มากกว่า

         ทว่าการใช้ชีวิตแบบ Slow life ก็ไม่ได้บอกให้ช้ากับทุกสิ่ง แต่เป็นการสร้างสมดุลแห่งช่วงเวลาในชีวิตอย่างเหมาะสม อาจมีบ้างที่ชีวิตต้องการความเร่งด่วน แต่ถึงอย่างไรความเร่งด่วนคงไม่ได้จำเป็นกับชีวิตเสมอไปหรอกใช่­­ไหม ฉะนั้นสิ่งไหนควรรีบให้รีบ สิ่งไหนช้าได้ก็อย่าเร่งตัวเองเท่านั้นพอ
          และนอกจากนิยามชีวิตแบบ Slow life ของ Carl Honoré แล้ว Leo Babauta นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายกวม พ่วงด้วยตำแหน่งผู้ก่อตั้งเว็บบล็อก Zen Habits ยังได้บอกเล่ากฎการใช้ชีวิตแบบ Slow life ไว้ในหนังสือที่ขายดิบขายดีเรื่อง The Power Of Less ว่า หากอยากใช้ชีวิต Slow life แบบถึงแก่นจริงๆ คุณต้องเดินรอยตาม 10 ข้อนี้
1. ทำให้น้อย
              เชื่อไหมว่าหลายคนมโนไปเองว่าทุกสิ่งในชีวิตสำคัญเทียบเท่ากันหมด จนบางครั้งถึงกับจัดลำดับไม่ถูกว่าควรทำอะไรก่อนดี แต่แทนที่จะปล่อยตัวเองให้หัวหมุนไปกับภารกิจร้อยแปดพันอย่าง ลองตั้งสติแล้วลำดับความสำคัญดูว่า สิ่งไหนควรต้องทำและจำเป็นต้องรีบจัดการให้เสร็จไปก่อน ที่เหลือก็ค่อย ๆ เรียบเรียงความสำคัญทีหลัง แล้วแบ่งเวลาให้ตัวเองได้หยุดหายใจบ้าง
 2. อยู่กับปัจจุบัน
    
          ไม่เพียงแต่ชะลอจังหวะชีวิตของตัวเองให้ช้าลง แต่คุณควรต้องมีสติกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ให้มากที่สุด สิ่งที่เกิดไปแล้วปล่อยผ่าน สิ่งที่ยังไม่เกิดช่างมัน สนใจแค่นาทีที่กำลังเป็นไป สิ่งแวดล้อมที่กำลังนั่งหายใจอยู่ และคนที่มาร่วมหายใจอยู่ข้าง ๆ คุณเท่านั้นพอ
3. เบรกตัวเองจากโลกออนไลน์สักพัก
    
          เทคโนโลยีและโซเชียลในยุคนี้แทรกแซงเข้ามาในชีวิตเราแบบไม่ทันได้ตั้งตัว หลายคนเลยเผลอเปิดตัวเองให้พร้อมจะรับรู้ข่าวสารและติดต่อกับสังคมแทบจะตลอดเวลา เผลอทำชีวิตส่วนตัวหล่นหาย และแขวนความเป็นไปของเราไว้กับโลกออนไลน์ที่มีทั้งคนคุ้นเคยและแปลกหน้า ฉะนั้นลองชัตดาวน์ตัวเองมาอยู่ในมุมส่วนตัวสักพัก เปิดโอกาสให้ตัวเองมีเวลาเห็นและรับรู้สิ่งรอบตัวที่เคยมองข้ามไปบ้าง แค่นี้ก็ได้สัมผัสคำว่าชีวิตได้มากขึ้นอีกนิดแล้ว
 4. สนใจคนรอบข้างอย่างจริงจัง
    
          ทุกวันนี้เราเข้าสังคม เรานัดพบเพื่อนเก่า ๆ และมีเวลาให้ครอบครัวเป็นประจำ แต่ส่วนมากมักจะเป็นแนวพบเจอ พูดคุยแปบ ๆ แต่ไม่ได้สื่อสารกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เนื่องจากมีเทคโนโลยีและการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์เข้ามาแย่งพื้นที่ จากที่ควรจะนั่งสบตาและพูดคุยกันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราก็กลับทำเพียงฟังในสิ่งที่เขาพูด และคอยหาจังหวะพูดในสิ่งที่อยากพูดกลับไป เว้นช่องว่างของความเข้าอกเข้าใจกลวงโบ๋อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัว ฉะนั้นเปลี่ยนมาใช้ชีวิตกับคนรอบข้างแบบที่ได้สบตาคู่สนทนามากกว่าจ้องหน้าจอกันเถอะ
 5. ซึมซับธรรมชาติให้มากขึ้น
    
          เพียงแค่เราใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น เราก็สามารถสัมผัสธรรมชาติได้แทบทุกวินาที โดยที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้าแล้วออกเดินทางไปหาธรรมชาติจากที่ไกล ๆ ให้เหนื่อยเลย ไม่เชื่อลองเงยหน้าจากหนังสือ มือถือ แท็บเล็ต แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง เปิดโอกาสให้ตัวเองเดินย่ำเท้าบนพื้นหญ้า ให้สายลมพัดพาผมให้ปลิว ให้ผิวได้รับวิตามินดีจากแสงแดด ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งแทนการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สัมผัสทุกสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติมากขึ้นอีกนิด แล้วคุณจะรู้สึกโชคดีกับการมีชีวิต
อยู่มากขึ้นทุกวัน
 6. กินให้ช้าลง
          เคี้ยวอาหารให้ช้าลง ละเมียดละไมความอร่อยจากอาหารที่เราตักเข้าปาก ใครไม่เคยใช้ชีวิต Slow life แบบนี้คงไม่รู้หรอกว่า แค่ปรับวิถีการกินอาหารให้ช้าลงก็มีความสุขมากขึ้นเยอะแล้ว อย่างน้อยระบบย่อยอาหารของเราก็ไม่ต้องเร่งจนเหนื่อย ภายในร่างกายสมดุลขึ้น ชีวิตก็สมบูรณ์แบบได้
 7. ขับรถให้ช้าลง
          ชีวิตที่เร่งรีบอาจทำให้คุณต้องเหยียบไมล์รถจนเคยชิน จนบางครั้งก็ไม่ต่างจากการพาตัวเองไปสุ่มเสี่ยงกับอุบัติเหตุและ ความประมาทเลยสักนิด ดังนั้นถ้าไม่ต้องรีบคงดีกว่า ขับรถให้ช้าลง มีน้ำใจบนท้องถนน และอาจตื่นให้เช้าขึ้นอีกหน่อย จะได้มีเวลาแวะในจุดที่อยากแวะแต่ไม่เคยได้ทำ เปิดประสบการณ์ชีวิตให้ตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง
8. โลกสวยด้วยมุมมอง
    
          โลกจะสวยหรือเสื่อมอยู่ที่เราเลือกมองแบบไหน และบางครั้งการมีมุมมองแย่ ๆ กับสิ่งรอบตัวก็เป็นเพราะเรารีบเร่งจนลืมพิจารณาสิ่งนั้น ๆ ให้ดีต่างหาก ไม่ใช่เพราะสิ่งรอบตัวเราแย่เลย สักนิด ถ้าอย่างนั้นลองง่าย ๆ แค่ทำอะไรให้ช้าลงอย่างมีสติ แล้วคุณจะเห็นด้านดี ๆ จากสิ่งรอบตัววันละนิดละหน่อย เปลี่ยนโลกหม่น ๆ ให้กลายเป็นโลกที่สวยสดใส
 9. ทำทีละอย่าง
    
          อย่าลืมว่าเรามีแค่ 1 สมอง กับ 2 มือเท่านั้น ดังนั้นอย่าบังคับตัวเองให้ทำอะไรพร้อมกันหลาย ๆ อย่าง เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิตได้ จับของสิ่งเดียวด้วยสองมือยังไงก็ชัวร์กว่าแยกอีกมือไปจับของอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันนะ
 10. หายใจเข้าลึก ๆ 
    
          เคยรู้สึกเหนื่อยจนต้องหอบเพราะความเร่งรีบกันมามากแล้ว เรามาใช้ชีวิตให้ช้าลงเพื่อให้ตัว เองสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กันบ้างดีกว่า เชื่อสิว่าเพียงแค่อยู่นิ่ง ๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ยาว ๆ สติที่บินหายไปก็จะเริ่มกลับมา ความเครียด ความโกรธ และความเหน็ดเหนื่อยก็จะหายไป

ที่มาจาก http://health.kapook.com/view121714.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น